ไขข้อข้องใจ! นามสกุลมี "อักษรกาลกิณี" ได้ ไม่ผิดอะไร แถมเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนควรเข้าใจตรงกัน
หลายคนที่กำลังมองหาฤกษ์งามยามดีในการ "ตั้งนามสกุล" ใหม่ หรือแม้แต่คนที่กำลังจะเปลี่ยนชื่อ แล้วไปเช็กนามสกุลเดิมของตัวเอง มักจะต้องเจอเรื่องให้ปวดหัว เมื่อพบว่านามสกุลที่ใช้อยู่นั้น ดันมี "อักษรกาลกิณี" ซ่อนอยู่!
ความกังวลใจเริ่มก่อตัวแบบนี้ แปลว่านามสกุลเราไม่ดีหรือเปล่า? จะส่งผลเสียกับชีวิตหรือไม่? ทำยังไงดี… ต้องเปลี่ยนนามสกุลด้วยเลยไหม?
วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจนี้กันให้เคลียร์ชัดๆ ไปเลยว่า การที่นามสกุลของคุณมีตัวอักษรกาลกิณีนั้น "ไม่ผิด" และเป็นเรื่องที่ "ปกติมาก" ไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นไปเปลี่ยนให้เสียเวลาเลยครับ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เรามาดู 2 เหตุผลหลักๆ ที่จะทำให้คุณเข้าใจกัน
1. "ทักษา" เขาเอาไว้ตั้ง "ชื่อจริง" ไม่ใช่ "นามสกุล"
นี่คือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันมากที่สุดครับ เวลาเราพูดถึงอักษรมงคล-อัปมงคล เรากำลังพูดถึงหลัก "ทักษาปกรณ์" (หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "ทักษา") ซึ่งเป็นตำราโหราศาสตร์ที่แบ่งตัวอักษรต่างๆ ออกเป็น 8 หมวดหมู่ตามวันเกิด ได้แก่ บริวาร, อายุ, เดช, ศรี, มูละ, อุตสาหะ, มนตรี และที่ทุกคนกลัวที่สุดคือ "กาลกิณี"
หลักการนี้ถูกออกแบบมาอย่างชัดเจนตั้งแต่โบราณว่า ใช้สำหรับ "การตั้งชื่อจริง" เท่านั้น
ทำไมล่ะ? เพราะ "ชื่อจริง" คือสิ่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตัวบุคคลนั้นๆ โดยเฉพาะ โดยอิงจาก "วันเกิด" ของเขาเป็นหลัก เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ ห้ามมีอักษรกาลกิณีคือ ศ ษ ส ห ฬ ฮ ส่วนคนเกิดวันจันทร์ ห้ามมีสระทั้งหมด (เพราะถือเป็นกาลกิณี) เป็นต้น
ในขณะที่ "นามสกุล" (Surname) มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นามสกุลถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบ่งบอก "วงศ์ตระกูล" หรือ "สายเลือด" เป็นสิ่งที่ใช้ร่วมกันทั้งครอบครัว ไม่ได้เจาะจงที่ใครคนใดคนหนึ่ง
ดังนั้น การนำหลักทักษาที่เอาไว้ดูดวงชะตารายบุคคล (ผ่านชื่อจริง) มาใช้ตัดสิน "นามสกุล" ที่เป็นของส่วนรวม จึงเป็นการใช้เครื่องมือที่ "ผิดฝาผิดตัว" ตั้งแต่แรกครับ โบราณาจารย์ท่านไม่ได้บัญญัติไว้ให้ใช้กับนามสกุลเลย
2. หลักความจริง (และวิทยาศาสตร์): ตระกูลเดียว บังคับเกิดวันเดียวกันไม่ได้!
นี่คือเหตุผลที่ชัดเจนที่สุดและเป็นตรรกะง่ายๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไปครับ
สมมติว่าคุณพยายามจะ ตั้งนามสกุลมงคลให้ถูกต้องที่สุด โดยการหลีกเลี่ยงอักษรกาลกิณีทั้งหมด... คำถามคือ คุณจะเลี่ยงอักษรกาลกิณีของ "วันไหน" ครับ?
ในหนึ่งตระกูล มีสมาชิกมากมาย:
- คุณปู่ อาจจะเกิดวันอาทิตย์
- คุณพ่อ อาจจะเกิดวันพุธ
- คุณแม่ อาจจะเกิดวันศุกร์
- ตัวคุณเอง อาจจะเกิดวันจันทร์
- น้องชายของคุณ อาจจะเกิดวันเสาร์
เห็นอะไรไหมครับ? สมาชิกในครอบครัว "ไม่มีทาง" ที่จะเกิดในวันเดียวกันทั้งหมด 7 วันได้ พวกเขาเกิดกันคนละวัน กระจายกันไปตามธรรมชาติ
ทีนี้ เรามาดูปัญหาครับ:
- อักษร "ก ข ค ฆ ง" เป็น ศรี (มงคล) สำหรับคนเกิดวันจันทร์
- แต่! อักษร "ก ข ค ฆ ง" ดันเป็น กาลกิณี (อัปมงคล) สำหรับคนเกิดวันอังคาร!
เห็นหรือยังครับ? แค่ตัวอักษร "ก" ตัวเดียว ก็เป็นทั้งมงคลและอัปมงคลในตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนใช้
ดังนั้น มันจึงเป็นไป "ไม่ได้เลย" ในทางปฏิบัติ ที่จะสร้างนามสกุลหนึ่งขึ้นมา แล้วให้มัน "ดี" หรือ "ปลอดกาลกิณี" สำหรับสมาชิกทุกคนในตระกูลที่เกิดกันครบทั้ง 7 วัน
ไม่ว่าคุณจะตั้งนามสกุลว่าอะไรก็ตาม มันจะต้องมีอักษรที่เป็นกาลกิณีสำหรับใครคนใดคนหนึ่งในตระกูลเสมอ นี่คือความจริงทางสถิติและธรรมชาติครับ
ดังนั้น... ถ้าคุณเกิดวันจันทร์ แล้วนามสกุลมีสระ (กาลกิณีวันจันทร์) ก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณเกิดวันอาทิตย์ แล้วนามสกุลมี "ส" (กาลกิณีวันอาทิตย์) ก็ไม่เป็นไร เพราะนามสกุลนั้น "ไม่ได้" ถูกสร้างมาเพื่อคุณคนเดียว แต่มันถูกสร้างมาเพื่อตระกูล
แล้ว "นามสกุลมงคล" จริงๆ ควรดูที่อะไร?
เมื่อเราตัดเรื่อง "อักษรกาลกิณี" ออกไปจากการพิจารณานามสกุลแล้ว (เพราะมันใช้ไม่ได้) สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการ "ตั้งนามสกุล" หรือการประเมินว่านามสกุลนั้นดีหรือไม่ดี คือ:
- ความหมาย (The Meaning): นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด นามสกุลควรมความหมายที่ดี เป็นสิริมงคล อ่านแล้วรู้สึกดี เช่น "เจริญกุล" (ตระกูลที่เจริญ) หรือ "สิริวัฒนา" (ความเจริญอันเป็นมงคล) ความหมายที่ดีนี้จะส่งผลต่อจิตใจและความภาคภูมิใจของคนทั้งตระกูล
- พลังเลขศาสตร์ (Numerology): หลายสำนักจะเน้นการดู "ผลรวม" ของตัวเลขตามหลักเลขศาสตร์ของนามสกุลมากกว่า นามสกุลที่ดีควรมีผลรวมเลขศาสตร์ที่เป็นมงคล ซึ่งพลังนี้จะส่งเสริมภาพรวมของตระกูล
- ความไพเราะ (The Sound): นามสกุลควรออกเสียงง่าย ไม่พ้องเสียงกับคำหยาบคาย หรือคำที่มีความหมายไม่ดี
สรุปง่ายๆ คือ "เลิกกังวล" เรื่องอักษรกาลกิณีในนามสกุลได้เลยครับ มันไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่คุณควรโฟกัสคือ "ชื่อจริง" ของคุณต่างหาก ที่ต้องตั้งให้ถูกต้องตามหลักทักษาวันเกิด ไม่มีกาลกิณี และส่งเสริมดวงชะตาของคุณโดยตรง
ส่วนนามสกุล ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมันในการเป็น "บ้าน" ที่รวมทุกคนในตระกูลไว้ครับ ตราบใดที่ความหมายดีและคุณภูมิใจกับมัน นั่นคือ "นามสกุลมงคล" ที่สุดแล้วครับ